กุ้งก้ามแดงหรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืด เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง และน่าลงทุนและน่าศึกษาเพื่อนำมาเพาะเลี้ยงน่ะครับ สามารถเลี้ยงในบ้านก็ได้ เลี้ยงง่ายในตู้ปลาในกะละมังหรือบ่อปูน เลี้ยงไว้เพื่อดูเล่น เลี้ยงไปเลี้ยงมาอาจจะกลายเป็นอาชีพเสริมหรืออาจจะนำไปสู่รายได้หลักเลยก็อาจเป็นไปได้น่ะครับ ติดตามเรื่องราวดีๆ และเทคนิคความรู้ต่างๆด้านการเกษตรได้ที่นี่ Baannoi.com
[adinserter block=”2″]
กุ้งก้ามแดงหรือกุ้งล๊อบสเตอร์ปัจจุบันในประเทศไทยนิยมนำมารับประทานกันเพิ่มมากขึ้น เพราะว่ารสชาติของกุ้งก้ามแดงจะมีรสชาติที่หวานมากกว่ากุ้งก้ามกราม แต่ก่อนจะนิยมเลี้ยงกันเพื่อความสวยงามแต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงกันมากในชาวเกษตรกรน่ะครับ เหตุผลเพราะเลี้ยงง่ายสามารถเพาะเลี้ยงในบ่อปูน อ่างน้ำกะละมังได้หมด หรือแม้กระทั่งในนาข้าวก็สามารถเลี้ยงได้เช่นกันครับ
การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเมื่อก่อนยังไม่เป็นที่นิยมหรือรู้จักกันในท้องตลาดบ้านเรามากนัก ส่วนใหญ่ที่เพาะพันธ์ุเป็นฟาร์มใหญ่ๆก็จะเน้นส่งออกไปยังต่างประเทศเสียมากกว่า แต่ปัจจุบันนี้โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อำเภอภจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกร เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเพื่อการบริโภค จึงมีการเพาะเลี้ยงกันมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกร และราคาของกุ้งก้ามแดงก็ถือว่าได้ราคาค่อนข้างสูงตามขนาดตัวด้วยครับ
ที่สำคัญแม่บ้านหรือคนทั่วไปที่ต้องการเลี้ยงไว้ภายในบริเวณบ้าน ก็สามารถเพาะเลี้ยงได้เช่นกันครับ เพราะว่ากุ้งก้ามแดงหรือล๊อบสเตอร์น้ำจืดนี้เลี้ยงง่ายโตเร็ว ถ้าเลี้ยงในบ้านก็แค่มีกะละมัง หรืออ่างเลี้ยงปลาเก่าหรือตู้ปลาก็สามารถเพาะเลี้ยงเค้าได้แล้วครับ หรือตามภาพคือเลี้ยงใส่กล่องพลาสติกเก็บของนั่นเองครับแค่มีอ๊อกซิเจนให้เค้าและก็ตัดท่อหรือใส่วัสดุเพื่อให้เค้าได้มีที่หลบตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเค้าเองครับ
เลี้ยงใส่กล่องพลาสติกไว้ในบ้านซึ่งใช้พื้นที่เล็กๆก็ได้ครับ
สำหรับราคาของกุ้งก้ามแดงที่เราจะนำมาเพาะเลี้ยง ก็มีหลายราคา ตามขนาดตัวของเค้าน่ะครับ
- กุ้งก้ามแดงสำหรับนำมาเป็นพ่อแม่พันธ์ุ ขนาด 4-5 นิ้ว ถ้าซื้อตามฟาร์มก็จะราคาอยู่ที่ 1200-2000 บาท จะจำหน่ายแบบเป็นชุดให้นำมาเพาะเลี้ยงก็คือ แบบตัวผู้ 1 ตัวเมีย 2 ราคาจะประมาณ 1200-1500 บาท และแบบตัวผู้ 2 ตัวเมีย 5 จะจำหน่ายราคาประมาณ 2000 บาทครับ
กุ้งก้ามแดงขนาดที่พร้อมเป็นพ่อพันธ์ุหรือแม่พันธ์ุได้แล้วครับ
- ลูกกุ้งล๊อบสเตอร์ขนาดไซส์ลงเดิน หรือประมาณ 45 วันอยู่ที่ราคาประมาณ ตัวละ 5-6 บาท ซึ่งขนาดนี้ก็สามารถนำมาเพาะเลี้ยงได้แล้วครับ
กุ้งก้ามแดงหรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืดขนาด 1นิ้วครึ่งหรือ 2 นิ้ว เกษตรกรจะเลือกขนาดไซส์นี้เพื่อนำไปเพาะเลี้ยงครับ
ราคาขายตามท้องตลาดจะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 1200-1500 บาทเชียวครับ กุ้งก้ามแดงหรือกุ้งล๊อบสเตอร์ ถ้าเลี้ยงในบ่อปูนจะมีลำตัวที่มีสีใสหรือเป็นสีฟ้าเพราะไม่มีตะไคร้น้ำหรือดินเกาะ แต่ถ้าเลี้ยงในบ่อดินหรือในทุ่งนาสีของกุ้งจะค่อนข้างออกไปทางสีดำหรือน้ำเงินเข้มครับ แต่ชาวบ้านที่เลี้ยงตามบ่อดินทั่วไปนิยมใช้แปรงสีฟันทาน้ำเกลือไปขัดที่ตัวกุ้งเพื่อให้ได้สีที่สวยงามไม่ดำก็มีเช่นกันครับ
การเลี้ยงกุ้งจากไซส์ลงเดินจะเลี้ยงในบ่อปูนหรือในบ่อผ้าใบ จนได้ถึงขนาด 1 นิ้วคือกุ้งเริ่มแข็งแรงก็สามารถย้ายไปยังสถานที่จะเลี้ยงเช่นบ่อปูนบ่อผ้าใหม่ได้เลยครับ กุ้งล๊อบสเตอร์อยู่ง่ายเลี้ยงง่ายอยู่ได้ทุกที่ที่มีน้ำเราสามารถเลี้ยงไว้ในภาชนะเหลือใช้ภายในบ้านได้ทั้งนั้น แต่ต้องทำที่ให้เค้าได้หลบภัยได้ด้วย ถ้าเลี้ยงด้วยกันหลายตัวเมื่อเวลาที่กุ้งลอกคราบเค้าจะกินกันเอง เพราะฉนั้นควรมีท่อไว้ให้เค้าได้หลบภัยของตัวเค้าเองด้วยครับ
อาหารของกุ้งก้ามแดง กุ้งก้ามแดงเค้ากินง่ายครับกินได้ทั้งพืชผัก หรืออาหารสำเร็จรูปแบบจมน้ำก็สามารถกินได้ การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเพื่อสร้างรายได้ กุ้งก้ามได้สามารถเลี้ยงในบ่อปูนหรือถังพลาสติก หรือหากมีบ่อดินที่เคยเลี้ยงปลาเลี้ยงกบมาก่อนแล้วอยากหันมาเลี้ยงกุ้งล๊อบสเตอร์ก็น่าสนน่ะครับ เพราะเค้าสามารถอยู่ได้แบบสบายๆ และโตเร็วมากด้วยถ้าเลี้ยงในนาข้าว นี่แทบจะไม่ต้องให้อาหารเค้าเลย เพราะว่าเค้าสามารถหากินเศษหญ้าหรือเปลือกข้าวที่เปื่อยหรือตะไคร่น้ำหรือแม้กระทั่งหอยหรือไส้เดือนที่มีอยู่ตามธรรมชาติครับ
ความแตกต่างในการเลี้ยงกุ้งล๊อบสเตอร์ในบ่อดินหรือนาข้าว และการเลี้ยงในบ่อปูนก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไปน่ะครับ
การเลี้ยงในบ่อดิน หรือนาข้าว มีข้อดีและข้อเสียน่ะครับ
- ข้อดี ก็คือการเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ ให้เค้าหากินเองตามธรรมชาติจึงไม่ค่อยจะเปลืองเรื่องอาหารเหมือนกับการเลี้ยงในบ่อดินหรือแทบจะไม่ได้ให้อาหารเลยถ้าในเลี้ยงในนาข้าว ไม่ต้องใช้อ๊อกซิเจน เป็นการใช้ต้นทุนต่ำในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงจึงเป็นอีกทางเลือกในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าวหรือบ่อดินน่ะครับ
- การเจริญเติบโตจะค่อนข้างเจริญเติบโตได้ดีกว่าการเลี้ยงในบ่อปูน เพราะกุ้งก้ามแดงสามารถหาอาหารกินได้ทั้งวัน เพราะในบ่อดินหรือนาข้าว มีอาหารของเค้ามากมายเช่น สาหร่าย,หอยหรือไรแดงและไส้เดือนที่มีอยู่โดยธรรมชาตินั่นเองครับ
- ข้อเสียในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในบ่อดิน หรือนาข้าว ก็คือโรคที่ติดมากับกุ้งเพราะเราไม่สามารถควบคุมโรคที่มาจากอาหารโดยธรรมชาติที่เค้ากินเข้าไปได้ กุ้งในบ่อดินส่วนใหญ่จะมีโอกาสเป็นโรคหางพอก,โรคสนิม มากกว่ากุ้งที่เลี้ยงในบ่อดิน และตัวกุ้งจะค่อนข้างจะมีสีดำ ซึงเกิดจากตะไคร่น้ำที่เกาะลำตัวกุ้งนั่นเองครับ แต่ผู้จำหน่ายบางรายก็มีวิธีแก้ไขโดยการนำกุ้งมาขัดมาล้างโดยการใช้แปรงสีฟันมาขัดที่ตัวกุ้งก่อนที่จะนำไปจำหน่ายครับ กุ้งจะได้ดูน่ากินหน่อย
เลี้ยงในบ่อดินตามไร่สวนต่างๆครับ
การเลี้ยงในบ่อปูนหรือ ในบ่อผ้าใบ มาดูข้อดีและข้อเสียกันน่ะครับ
- อันดับแรกก็คงจะเป็นในด้านการลงทุน ลงทุนมากกว่าบ่อดินหรือในนาข้าวแน่นอนครับ เพราะต้องมีการเตรียมบ่อ และต้องมีบ่อพัก ต้องมีอ๊อกซิเจน
- บ่อปูนที่ทำขึ้นเป็นสี่เหลี่ยม ที่นิยมทำการเลี้ยงก็จะไม่ทำขนาดใหญ่มากนัก บ่อปูนกลมก็สามารถเลี้ยงได้ เพราะจะสะดวกต่อการเปลี่ยนถ่ายน้ำ หรือการทำความสะอาดบ่อครับ
- การเลี้ยงในบ่อปูนต้องหาวัสดุมาไว้ในบ่อเพื่อให้กุ้งได้หลบ หรือแอบซ่อนตัวเพื่องดการกินกันเองของกุ้งก้ามแดงครับ ส่วนมากจะนิยมใส่ท่อพีวีซี ตัดเป็นท่อนๆใส่ลงไปในบ่อมากกว่าจำนวนกุ้งหนึ่งเท่าตัว เช่น มีกุ้ง 100 ตัว ก็ต้องมีท่อจำนวน 200 อันเป็นต้นครับผ้ายางเก่าหรืออะไรก็ได้ก็สามารถใส่ลงไปบ่อ กุ้งก้ามแดงจะไม่ชอบแสงมากนัก จึงจำเป็นที่ต้องหาผ้าใบมาคลุมบ่อ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้กุ้งก้ามแดงได้กินอาหารได้ทั้งวัน เพื่อความเจริญเติบโตครับ
- ข้อดีในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในบ่อปูนเราจะดูแลง่าย เมื่อสังเกตุเห็นว่ากุ้งลอกคราบ ก็สามารถแยกกุ้งออกมาได้เพื่อลดการสูญเสียหรือการกินกันเองได้ครับ
- กุ้งก้ามแดงเมื่อมีขนาด 3-4 นิ้วควรมีการแยกเพศแยกบ่อเพื่อเป็นการเร่งการเจริญเติบโต เพราะถ้าไม่ทำการแยกบ่อแล้ว กุ้งจะไม่เจริญอาหารเพราะจะจ้องแต่จะผสมพันธ์ุครับ
- ข้อดีอีกอย่างของการเลี้ยงในบ่อปูนคือ จะมีสีใสสวยและสะอาดไม่ไม่ตะไคร่น้ำเกาะเหมือนกุ้งก้ามแดงที่เลี้ยงในบ่อดินครับ
การเลี้ยงกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืดหรือกุ้งก้ามแดงในบ่อปูนครับ
- ลักษณะเด่นของกุ้งก้ามแดง คือมีเลือดสีฟ้าเช่นเดียวกับล๊อบสเตอร์น้ำเค็ม จึงได้มีชื่อว่า ล๊อบสเตอร์น้ำจืดนั่นเองครับ กุ้งก้ามแดงมักหากินตามพื้นดินและว่ายน้ำไม่เป็นน่ะครับ
กุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืดจะมีเลือดสีน้ำเงินทำให้ลำตัวเค้าใสและมีสีน้ำเงินภาพนี้เลี้ยงในตู้ปลาเพื่อความสวยงามครับ
วิธีด้วยเพศของกุ้งก้ามแดง ก็มีวิธีสังเกตุคือ ดูจากก้ามและอวัยวะเพศที่หน้าอกน่ะครับ
- ตัวผู้ จะมีก้ามที่มีสีแดง เหมือนกับชื่อของเค้าเลยน่ะครับ ตรงก้ามจะเป็นเหมือนวุ้น และสีของก้ามจะแดงมากหรือแดงน้อยจะขึ้นอยู่กับสภาพน้ำที่เลี้ยงเค้าครับ ถ้าเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติ วุ้นตรงก้ามจะเป็นสีแดงเข้มเลยน่ะครับ แต่ถ้าเลี้ยงตามบ่อดินแล้วใช้น้ำปะปาหรือน้ำบาดาลก็จะสีไม่ออกแดงมากจะเป็นสีประมาณสีน้ำตาลอ่อนๆครับ การดูเพศของตัวผู้ ดูได้อีกอย่างคือการหงายท้องดูตรงขาคู่สุดท้ายของเค้า จะมีต่อมแหลมๆเล็กๆสองข้างครับ
ตัวผู้จะมีวุ้นตรงก้ามเป็นสีแดงเข้มถ้าเลี้ยงตามแหล่งน้ำธรรมชาติน่ะครับ ถ้าเลี้ยงน้ำบาดาลสีก็จะประมาณนี้ครับ
กุ้งก้ามแดงตัวผู้จะมีต่อมแหลมๆอยู่ขาคู่สุดท้ายทั้งสองข้างครับ
- ตัวเมีย กุ้งก้ามแดงตัวเมีย จะไม่มีก้ามหรือวุ้นตรงก้ามเหมือนตัวผู้ครับ และตรงท้องก็จะไม่มีต่อมแหลมๆตรงขาคู่สุดท้ายครับ
กุ้งก้ามแดงตัวเมียจะอุ้มหรือห่อไข่ไว้ประมาณ 50 วันหรือ 2 เดือนถึงจะค่อยๆคลายออกเมือ่ไข่กุ้งแก่เต็มที่
อายุที่พร้อมในการผสมพันธ์ุของพ่อแม่พันธ์ุกุ้งอยู่ที่ อายุได้ประมาณ 8 เดือน ก็สามารถนำพ่อพันธ์ุและแม่พันธ์ุมารวมกัน อัตราส่วนอยู่ที่ ตัวผู้ 1 ตัวต่อตัวเมีย 2-3 ตัว หรือ 1ต่อ1 ก็ได้ครับ
ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนที่กุ้งผสมพันธ์ุแล้ว ตัวเมียจะทำการอุ้มไข่หรือห่อไข่ไว้ วิธีการดูแลคือช่วงนี้ให้สังเกตุว่าไข่ของกุ้งตัวไหนแก่หรือยังถ้าหากว่าไข่อ่อนอยุ่ไม่ต้องไปยุ่งกับแม่พันธ์ุตัวนั้นเด็ดขาด เพราะเค้าจะตกใจและดีดไข่ทิ้งหมดเลยครับ ไข่แก่สังเกตุได้โดยตรงที่เค้าอุ้มไข่ไว้จะแผ่ออก และเริ่มเห็นหนวดและตาลูกกุ้ง ก็ให้ทำการแยกตัวแม่พันธ์ออกมากไว้บ่อใหม่ต่างหากเพื่อเลี้ยงลูกกุ้งรุ่นต่อไปครับ เพาะเลี้ยงให้ได้ขนาดตัวได้ 2 เซนติเมตรก็สามารถจำหน่ายได้แล้วครับ หรือจะเลี้ยงจนให้ได้ขนาด 4 นิ้วก็ได้น่ะครับราคาจะได้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวครับ
อาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามแดงก็เป็นที่น่าสนใจทีเดียวน่ะครับ สำหรับท่านที่มีบ่อเลี้ยงปลาเลี้ยงกบหรือตู้ปลาที่ไม่ใช้ ถ้าสนใจก็น่าจะซื้อหาเพื่อนำมาเลี้ยงไม่แน่น่ะครับนอกจากจะเลี้ยงไว้ดูเล่นเพื่อความสวยงามแล้ว อาจจะสร้างรายได้เสริมหรือ ถ้าทำไปได้ดีๆอาจจะกลายเป็นรายได้หลักให้กับผู้เลี้ยงเลยก็ได้น่ะครับ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านเว็บน่ะครับ ติดตามข้อมูลดีๆและเทคนิคความรู้ต่างๆด้านการเกษตร ได้ที่นี่ Baannoi.com