มะขามป้อม ผลไม้สารพัดประโยชน์ ปลูกง่าย ขายคล่อง
ประโยชน์มะขามป้อม วิธีเพาะ วิธีปลูกมะขามป้อม “มะขามป้อม แป้นไทรโยก”
[adinserter block=”2″]
มะขามป้อม ผลไม้ที่ใครๆคิดว่าทานเล่นๆ แต่แท้จริงแล้ว สรรพคุณด้านสมุนไพรไทยแล้วสุดยอดเลิศล้ำมาก มะขามป้อมเป็นผลไม้คู่คนไทยมาช้านาน มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่ทานแก้กระหายน้ำได้ดีทีเดียว แล้วยังมีอีกมากมายหลายสรรพคุณของมะขามป้อม ที่บ้านน้อยจะแจงให้ฟัง แล้วที่สำคัญปลูกง่าย ขายคล่อง ได้ราคาทีเดียวเชียว
มะขามป้อม เป็นผลไม้คู่บ้านเรามาแต่สมัยปู่ย่าตายาย เพราะเชื่อว่าทานแล้วเป็นยาแก้เจ็บคอ ทานแล้วทำให้ชุ่มคอ ความจริงแล้วไม่ใช่ว่า เขาเล่ามาหรอกค่ะ ความจริงแล้ว มะขามป้อม ทานแล้วทำให้ชุ่มคอ แก้อาการระคายคอได้จริงๆ บ้านน้อยเองยืนยันค่ะ
แล้วตอนนี้เราหาทานไม่ได้ตามบ้านตามเรือนเหมือนสมัยก่อน เพราะแต่ก่อนชาวบ้านเก็บมาจากป่าจากสวน แล้วก็ทิ้งเมล็ดตามพื้นตามบ้านก็ขึ้นมาพอได้เก็บกินกัน แต่ปัจจุบันนั้น มีการทำเป็นสวน ปลูกกันเป็นอาชีพ แล้วราคาดีด้วยนะคะ ถุงเล็กๆมะขามป้อมลูกใหญ่ๆโตๆ ประมาณ10ลูกได้ ก็จะราคาอยู่20 บาท อย่างวันนี้ที่ตลาด บ้านน้อยซื้อที่ตลาดมา ก็70บาท ประมาณครึ่งโล
กัดทานเล่นๆก็ได้ หรืออยากเก็บมาดองเกลือไว้กินเป็นยาก็ได้ หรือที่ทำให้เป็นยาวิเศษ แต่ใช้เวลานานหน่อย ก็คือทำ“น้ำหมักมะขามป้อม” อันนี้ยาชั้นเลิศเลยละคะ เรียกได้ว่าเป็นไข้เป็นหวัดก็พอบรรเทาอาการคันคอได้ดีทีเดียว
มะขามป้อม ไม่ได้รู้จักกันแค่ในประเทศไทยเราเท่านั้นนะคะ ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศที่มีมะขามป้อมก็ต่างเรียกขานกันตามบ้านตามเมืองของเขาไป อย่างชาวฮินดู ก็เรียกมะขามป้อมอีกชื่อหนึ่งว่า “อะมะลา” หรือ “อะมะลิกา” ตามพุทธประวัติ กล่าวไว้เช่นเดียวกับมะม่วง นั่นคือในคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปเก็บมะม่วงนั้น ทรงเก็บมะขามป้อมมาด้วย
[adinserter block=”2″]
มะขามป้อมนั้น มีชื่อเรียกกันหลายชื่อด้วยกัน เรามาดูกันนะคะว่าแต่ละที่เขามีชื่อว่าอย่างไรบ้าง
ชื่อทั่วไป หรือชื่อพื้นเมือง : มะขามป้อม / เขมร-จันทบุรี : กันโตด / ราชบุรี : กำทวด / กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน : มั่งลู่ สันยาส่า / ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica Linn. / ชื่อวงศ์ มะไฟ Euphorbiaceae / ชื่อสกุลไม้ มะขามป้อม Phyllanthus L. / ชื่อสามัญ Emuc myrabolan, Malacca tree
เมื่อสมัยก่อนการกระจายพันธุ์ของมะขามป้อมนั้น จะเป็นพืชที่ขึ้นเองอยู่ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร อินเดีย จีน ประเทศไทย พบเห็นขึ้นประปรายเป็นหมู่ๆ ตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าแดงทั่วๆ ไป มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทย
การกระจายพันธุ์เกิดขึ้นจากสัตว์ป่าจำพวกเก้งหรือกวาง รวมทั้งมนุษย์เรา กินลูกมะขามป้อมแล้วทิ้งเมล็ดไกลออกไป ทำให้การกระจายพันธุ์ได้กว้างมากขึ้น แต่ปัจจุบันนั้นมีการเพาะปลูกเพื่อจำหน่ายกันอยู่หลายพื้นที่
แล้ววันนี้บ้านน้อยก็ได้เห็นคลิปของรายการ มหาอำนาจบ้านนา ที่ถ่ายทำเกี่ยวกับมะขามป้อม จากสวนจากไร่ของคุณสกล ปรกแก้ว หนุ่มมนุษย์เงินเดือน ที่หันตัวเองมาทำเกษตร เพาะปลูกทาบกิ่ง เรียกว่าตั้งแต่เพาะจากเมล็ด จนมาทาบกิ่ง แล้วได้มะขามป้อม “พันธ์ุแป้นไทรโยก” เพราะว่าลูกมะขามป้อมที่คุณสกลปลูกแล้วทำจนเกิดลูกใหญ่ๆนั้นอยู่ที่ อำเภอไทรโยก จ.กาญจนบุรี เรานี่เอง
ที่มาของลิ้งค์วิดีโอ รายการมหาอำนาจบ้านนา
[adinserter block=”2″]
ประโยชน์ของมะขามป้อมที่น่ารู้
ผลมะขามป้อม มีวิตามินซีสูงมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน ผลแห้ง เก็บไว้ในที่เย็น เช่น ในตู้เย็น นาน ๓๖๕ วัน จะเสียวิตามินซีไปร้อยละ ๒๐
ผลมะขามป้อมดองในน้ำเกลือร้อยละ ๘ นาน ๒๐ วัน ความเข้มข้นของกรดเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ ๐.๗๗ เป็นร้อยละ ๑.๔๔ วิตามินซีเสียไปประมาณร้อยละ ๖๘
ดองในน้ำเกลือร้อยละ ๑๐ ความเข้มข้นของกรดเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ ๐.๖๓ เป็นร้อยละ ๑.๓๙ วิตามินซีเสียไปประมาณร้อยละ ๗๒
นอกจากนี้ ในการดองจะมีพวกกรดทั้งชนิดระเหยและไม่ระเหยเพิ่มขึ้น ดองในน้ำเกลือร้อยละ ๘ จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ดองในน้ำเกลือร้อยละ ๑๐ ผลมะขามป้อมที่ดองด้วยน้ำเกลือร้อยละ ๘ มีกลิ่นของมันเองลดลง และมีกลิ่นหมักดีขึ้น ส่วนที่ดองด้วยน้ำเกลือร้อยละ ๑๐ มีกลิ่นของมันเองลดลง ผลที่ดองมีสีน้ำตาลแดง เนื้อนุ่มขึ้น ผลพองตัวมีขนาดใหญ่ขึ้น และบางผลก็แตกออก มีรสเปรี้ยวๆ เค็มๆ
ผลสดถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง (๒๙-๓๗ องศา-เซลเซียส) นาน ๓๖๕ วัน จะเสียวิตามินซีไปร้อยละ ๖๗
เนื้อผลตากแดดให้แห้ง จะเสียวิตามินซีไปประมาณร้อยละ ๖๐ ถ้าทำให้แห้งที่อุณหภูมิห้อง จะเสียวิตามินซีไปไม่มากนัก เนื้อผลแห้งเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องจะเสียวิตามินซีไปร้อยละ ๒๕ ในเวลา ๒ สัปดาห์ เสียวิตามินซีไปร้อยละ ๕๐ ในเวลา ๔ สัปดาห์ และเสียไปร้อยละ ๖๐ ในเวลา ๔๘ สัปดาห์
น้ำคั้นจากผล ใส่ขวดเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องนาน ๒ สัปดาห์ จะเสียวิตามินซีไปมากกว่าร้อยละ ๕๐ แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นนาน ๙ สัปดาห์ จะเสียวิตามินซีไปน้อย กว่าร้อยละ ๕๐ ในน้ำคั้นจากผลที่ใส่ขวดเก็บไว้ จะมี ความเป็นกรดเพิ่มขึ้นและมีความเป็นกรดคงที่ ที่ pH2
แต่อย่างไรก็ตาม ผลมะขามป้อมยังมีสารในกลุ่ม แทนนินชื่อว่า emblicanins A และ B ที่มีฤทธิ์เป็นเช่นเดียวกับวิตามินซี แต่มีฤทธิ์แรงกว่าและไม่สลายตัวง่ายเช่นเดียวกับวิตามินซี สารดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษโลหะหนัก รักษาโรคลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยเสริมฤทธิ์วิตามินซี เพราะฉนั้นเราไม่ต้องกังวลกันต่อไปว่ามะขามป้อมแปรรูปจะไม่มีประโยชน์เท่ากับทานสดๆ เพราะประโยชน์ของเขามากล้นอย่างเห็นๆ
มะขามป้อมนั้นเป็นที่นิยมแล้วที่ประเทศอินเดียยังใช้กันมาเป็นพันๆปี เพราะขึ้นชื่อเรื่อง ยาอายุวัฒนะ อีกทั้งยังบำรุงสายตา บำรุงสมอง ซึ่งคนอินเดียเรียกมะขามป้อมว่า Amla หรือ Amalaka แปลว่า พยาบาลหรือแม่ ซึ่งสะท้อน สรรพคุณทางยาอันมากมายของมะขามป้อมได้เป็นอย่างดี
แล้วมะขามป้อม ในประเทศอินเดียยังเป็นสมุนไพรส่งออกในรูปแบบต่างๆ ทั้งมะขามป้อมแห้ง มะขามป้อมสด น้ำมะขามป้อมเข้มข้นหรือมะขามป้อมที่ผสมกับสมุนไพรตัวอื่น ทั้งยังมีการ จดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์มะขามป้อมทั้งในและต่างประเทศ
นี่แค่น้ำจิ้มนะคะ สรรพคุณของมะขามป้อม ยังไม่หมด ถ้ายาวไปเดียวท่านผู้อ่านที่รักจะเบื่อเอา แต่ที่แน่ๆวันนี้บ้านน้อยก็ได้ลูกสดๆมา ว่าจะย้อนกลับไปซื้อมาไว้เยอะๆเพื่อจะดอง แล้วก็ทำเป็นน้ำหมักมะขามป้อม เอาไว้ทานเพื่อให้ชุ่มคอ แล้วจะเอาสูตรวิธีทำน้ำมะขามป้อมมาฝากกัน
จะได้ไม่ต้องไอจามพาลให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะตอนนี้โควิดบ้านเรายิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย ขอบคุณผู้ติดตามบ้านน้อยทุกท่านที่ติดตามนะคะ หากผิดพลาดประการใดบ้านน้อยขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยนะคะ ติชมกันได้นะคะ แล้วบ้านน้อยจะสรรหาเรื่องราวดีๆมีประโยชน์มาฝากเพื่อนๆน้องพี่กันอย่างต่อเนื่อง ชอบกดไลค์ ถูกใจฝากแชร์ ฝากติดตาม Baannoi.com บ้านน้อยดอทคอม กันด้วยนะคะ