ทำอย่างไร?ไม่ให้ความไวระดับ 4G เข้ามาทำร้าย ความสัมพันธ์ในครอบครัว และ คนที่เรารัก
เป็นที่รู้ๆกันว่าปัจจุบันสื่อออนไลน์ต่างๆไม่ว่าจะในมือถือ,คอมพิวเตอร์,แท็บเล็ตฯลฯ นั้นเป็นอะไรที่ทุกคนเสพติดจนกลายเป็นปัจจัยที่5ที่6 ของชีวิตไปเสียแล้ว ในโลกโซเชียลมีทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วเราจะทำอย่างไรไม่ให้สื่อออนไลน์มาเป็นตัวกั้นระหว่างความสัมพันธ์ของครอบครัว ทำอย่างไรให้ลูกบอกรัก และหอมแก้มก่อนไปโรงเรียน แทนการบอกสวัสดีตอนเช้าทางเฟสและไลน์
ในโลกปัจจุบันสื่อออนไลน์หรือเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีอิทธิพลในการดำเนินชีวิตของทุกคน ทุกครอบครัวทุกสถาบัน เพราะการสื่อสารเร็วมาก เร็วจนบางครั้งเป็นอะไร ที่เหลือเชื่อแต่ทำได้จริงเกิดขึ้นจริง คนหนึ่งอยู่ขั้วโลกเหนือ อีกคนอยู่ขั้วโลกใต้ก็สามารถเห็นหน้ากันคุยกันได้ นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งดีของสื่อออนไลน์และเทคโนโลยี4G
แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีดีๆเหล่านั้นกลับหันมาทำร้ายความสัมพันธ์เล็กๆของครอบครัวของคนรักคนรู้จักกัน เพราะกลายเป็นว่าไม่หันหน้ามองกัน ไม่คุยกัน ไม่สัมผัสกัน ไม่มีการเอ่ยปากถามกันตรงๆ เพราะมีเครื่องมือสื่อแทนไปแล้ว จึงเป็นที่มาของคำว่า”สมาคมก้มหน้า”
เราจะเห็นข่าวที่น่าสลดใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับการเสพติดสื่อออนไลน์จนเกิดความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ “ขับรถมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ””เด็กติดเกมส์ จนเสียผู้เสียคน””สามี,ภรรยา เลิกกันเพราะพบปะคารมคนใหม่ๆในสื่ออินเตอร์เน็ต”แม่มัวแต่เล่นมือถือ ขณะที่ลูกวิ่งเล่นจนโดนรถชน” มีอีกมากมายที่เกิดความสูญเสียและน่าสลดใจเกี่ยวกับการเสพติดสื่อออนไลน์
เราจะป้องกันยังไงไม่ให้สื่อออนไลน์มาทำร้ายครอบครัวและคนที่เรารัก โดยเฉพาะเด็กๆที่ทุกวันนี้ที่ไม่มีมือถือถือว่าเชยมาก เรามาป้องกันอย่าให้มันเรื้อรังไปมากกว่านี้ก่อนที่จะสายเกินไป บ้านน้อยก็มีคำแนะนำดีๆมาฝากกันค่ะ
เด็กต่ำกว่า3ปี ไม่ควรให้เล่นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
- จะเห็นว่าพ่อแม่แต่ล่ะคนจะดีใจเมื่อเห็นลูกตัวเล็กๆเล่นมือถือเป็นเปิดวิดีโอเองเล่นเองได้ แต่ความจริงแล้วมันเป็นการทำร้ายตัวเขาเองและก็รวมถึงตัวเราด้วย เคยมีลูกของน้องสาวคนหนึ่งที่มีลูกอายุ3-4 ปีพูดไม่ได้เลย จะพูดได้เฉพาะเวลาที่จับมือถือแล้วพูดแค่กับYouTube จนได้ไปปรึกษาหมอ จึงได้คำแนะนำในการรักษาว่าให้ลูกอยู่ห่างเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่าง
เด็กที่อายุยังไม่ถึง 13ปี ไม่ควรให้มีสื่อออนไลน์เป็นของตัวเอง เช่น เฟสบุ๊คหรือไลน์
- เด็กขนาดนี้ต่อให้ฉลาดและรอบรู้แค่ไหน ก็ขาดการยับยั้งช่างใจเมื่อมีสื่อที่สามารถระบายหรือพบปะกันในโลกออนไลน์มักจะทำให้หลงผิดคิดตาม บางเรื่องที่เห็นถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็ดีไป หากหลงเห็นผิดเป็นชอบล่ะค่ะ อะไรจะเกิดขึ้นเราก็ไม่รู้ จะเห็นได้ว่าเด็กเวลาโพสแต่ล่ะสเตตัสจะแรงๆทั้งนั้น โดยที่เขาคิดแค่ว่าเขาชอบในคำพูดคำจาที่นำมาลง
ตั้งกฏกติกาในการเล่นคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ต่างๆ
- ไม่ควรให้ลูกเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนหลับคามือถือหรือแท็บเล็ตต่างๆ ไม่ถึงกับยื่นคำขาดว่าห้ามจับห้ามแตะเลย เพราะทุกวันนี้บางครั้งเด็กต้องได้ใช้งานเพื่อการเรียน(ทุกวันนี้โรงเรียนบางโรงเรียนก็สอนด้วยระบบนี้ ไม่มีการจดเหมือนสมัยก่อน สั่งงานก็ทางมือถือ เด็กก็ต้องได้ใช้มือถือทำงาน) พ่อแม่ควรมีกติกาในการเล่นมือถือ ให้ทำงานก่อนแล้วหลังทำงานเสร็จก็ให้เล่นวันล่ะไม่เกิน1-2ชั่วโมงต้องถือกฏเหล็กของบ้าน ถ้าไม่ทำงานบ้านช่วยกันหรือไม่ทำการบ้าน ไม่ให้เล่นเด็ดขาด และห้ามเล่นก่อนนอนเด็ดขาด (ทำได้หรือเปล่าค่ะ)
กฏของความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างครอบครัว ห้ามมีสื่อออนไลน์ต่างๆในที่ ที่เป็นส่วนรวมของครอบครัว
- ไม่ควรมี ทีวี มือถือ คอมพิวเตอร์ สื่อต่างๆไว้ให้ลูกในห้องนอน และในโต๊ะทานข้าวก็ห้ามนำมาร่วมโต๊ะอาหาร การทานข้าวเป็นเวลาที่ดี ที่ครอบครัวควรนั่งทานไปคุยกันไปมากกว่า การที่จะมือหนึ่งถือช้อนอีกมือหนึ่งถือมือถือ
มีกฏเหล็กให้กับลูก
- กติกาต้องเป็นไปตามกติกา หากลูกไม่ทำตามเช่นขอไปเล่น1ชั่วโมง แต่ผิดเวลาไม่รักษาเวลา ห้ามเล่นเกมส์หรือดูการ์ตูน1วัน หรือไม่ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆช่วยกัน งดเล่นสื่อ1-2วันเป็นต้น
หากิจกรรมในบ้านหรือนอกบ้านร่วมกัน
- วันหยุดหากิจกรรมทำร่วมกัน ให้ลูกมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่นปลูกต้นไม้ตัดหญ้าในบ้าน หรือพาออกไปเที่ยวแบบธรรมชาติ ขณะนั่งรถก็ให้นั่งร้องรำทำเพลงไป ดูถนนหนทางช่วยกัน ไม่ใช่ให้นั่งเล่นมือถือระหว่างการเดินทาง
คนเราทุกคน ล้วนแล้วแต่อยากเป็นคนสำคัญอยากมีตัวตนเหมือนกันหมด ทุกวันนี้จะสังเกตได้ว่าคนขับรถได้แต่จ้องถนน และนั่งขับรถนิ่งไปคนเดียว ส่วนผู้ร่วมทางมือกับตาจะจ้องอยู่ที่มือถือของตัวเอง แทนที่จะหันมาถามมาคุยกันเพื่อให้คนขับผ่อนคลายหายง่วงได้
เวลาทานข้าวแทนที่จะได้ลิ้มรสอาหารอันอร่อยแล้วเอ่ยคำชมให้กับแม่บ้านที่ทำอาหาร แต่กลับถ่ายรูปแล้วลงสื่อให้กับเพื่อนในโซเชียลเห็นแล้วก็นั่งจิ้มตอบทุกคอมเมต์ หันมาอีกทีอาหารเย็นจืดชืดไปแล้ว
ความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวเพื่อนฝูงควรได้รับการเอาใจใส่มากกว่านี้ ร้องตะโกนบอกกันว่าไปโรงเรียนก่อนน่ะค่ะ,ไปทำงานก่อนน่ะครับ กอดหอมแก้มกันก่อนไป จะดีกว่าไหมค่ะ เทคโนโลยีตอบโจทย์การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราออกมาได้ดี ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตได้เยี่ยม แต่อย่านำเอาเทคโนโลยีมาทำร้ายความสัมพันธ์ของครอบครัว และอย่าให้โลกออนไลน์หันมาทำร้ายความเป็นตัวของตัวเองนะคะ
ให้ความสำคัญคนอื่นอย่างที่เราต้องการให้คนอื่นเห็นความสำคัญของเรา มองหน้าคนที่เราคุยด้วย แทนการตอบอืมๆแล้วก็มองจอต่อ ลองทำดูแล้วความสุขในใจจะเกิดขึ้นทุกวันและทุกเวลาค่ะ ถ้าบทความนี้มีประโยชน์และถูกใจแฟนๆที่ติดตามบ้านน้อย บ้านน้อยก็ขอขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วยนะคะ