วิธีการ เผาถ่านไบโอชาร์-เผาถ่านแบบไร้ควัน ประหยัดปลอดภัย ไร้กลิ่นควันรบกวน

จากบทความที่แล้วผู้เขียนได้นำวิธีการทำเตาเผาถ่านแบบไร้ควันหรือเตาเผาถ่านไบโอชาร์มาฝากท่านผู้อ่านไปแล้วนั้น บทความนี้ก็เลยนำวิธีการเผาถ่านแบบไร้ควันหรือวิธีการเผาถ่านไบโอชาร์ถ่านชีวภาพ มาฝากกันอีกค่ะเป็นการเผาถ่านด้วยวัสดุที่เหลือใช้จากการเกษตรหรือจากวัสดุที่เป็นไม้,กะลา เผาถ่านแบบไบโอชาร์ใช้ต้นทุนต่ำแต่คุณภาพของถ่านที่ดีเยี่ยมและไร้มลพิษไม่มีกลิ่นเหม็นฉุนไม่มีควันรบกวนทั้งผู้เผาและเพื่อนบ้านใกล้เคียง ติดตามเรื่องราวสาระและเคล็ดลับดีๆที่บ้านน้อยดอทคอมสรรหามาเล่า ได้ที่นี่ Baannoi.com

ถ่านทั่วไปที่เราซื้อตามท้องตลาดจะมีสีดำติดมือและบางครั้งความร้อนของถ่านก็ไม่ค่อยร้อนมาก แต่ถ้าเราเผาถ่านแบบไบโอชาร์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบGasification ก็คือการเผาจากข้างบนลงข้างล่างปกติการเผาถ่านจะเผาจากข้างล่างขึ้นบน การเผาไม้หรือเผาถ่านทุกอย่างล้วนแล้วแต่ได้มาซึ่งแก๊สทั้งหมดแต่การเผาถ่านแบบไบโอชาร์นี้จะมีขบวนการที่ ทำให้แก๊สและควันไม่มาทำลายสุขภาพของผู้เผาถ่านและสภาพแวดล้อม มาดูขั้นตอนและวิธีการเผาถ่านแบบไร้ควันหรือเผาถ่านไบโอชาร์กันเลยน่ะค่ะ

วิธีทำเตาเผาถ่านไบโอชาร์ คลิ๊กที่นี่

วัสดุอุปกรณ์ในการเผาถ่านแบบไร้ควัน 

• เตาเผาถ่านไบโอชาร์
• อิฐบล๊อค 4 ก้อน
• ขี้โคลน พอประมาณ(ใช้อุดฝาถังและใช้รองถังตอนยกถังลง)
• กะลาหรือไม้เนื้อแข็ง จำนวนเท่ากับถังที่ใช้เผา 
• ฟางหรือกระดาษ 
• เหล็ก 2 เส้น
• ไม้ไผ่2อันหรือเหล็กเส้นไว้ใช้สำหรับยกฝาครอบและยกถังลงตั้ง

[adinserter block=”2″]

ขั้นตอนและวิธีการเผาถ่านแบบไร้ควัน

• ทำฐานให้กับเตาเผาถ่านกันก่อนก็คือนำอิฐมาวางเป็นฐาน 4 มุม แล้วตั้งถังที่ได้ทำการเจาะรูด้านล่างไว้แล้ว(ตามขั้นตอนที่ทำเตาเผาไบโอชาร์ค่ะ)

• ใส่วัสดุที่จะใช้ในการเผา แล้วแต่ว่าท่านไหนสะดวกอุปกรณ์ชนิดไหนอาจจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือไม้ไผ่ก็ได้แต่วันนี้ที่ทำการเผาถ่านนั้นผู้เขียนใช้กะลามะพร้าวซึ่งได้วัสดุมาจากร้านขายขนมหวานค่ะวัสดุในการเผานอกจากจะเป็นไม้หรือกะลาแล้ว ยังสามารถนำผลไม้ต่างๆมาเผาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นเช่นเป็นตัวดับกลิ่นในห้องน้ำในตู้เสื้อผ้าในตู้เย็นได้อีกด้วยน่ะค่ะ
• ใส่กะลาหรือไม้ให้แน่นเต็มถัง200ลิตรไม่ให้มีอากาศในถังมาก ใช้เหล็ก2 เส้นวางบนฝาถังทั้งสองข้าง

• ใส่ฟางเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการเผา วางทับบนไม้หรือกะลาที่จะทำการเผาเลยค่ะ

• เสร็จแล้วเราก็จุดไฟบนฟางได้เลยค่ะ เมื่อจุดไฟติดแล้วให้นำฝาครอบที่ทำเป็นปล่องไฟไว้แล้วมาวางทับบนฝาถัง

• จะสังเกตได้ว่ามีควันแค่เล็กน้อยตอนจุดฟางแค่นั้น ไม่ถึง5นาทีเมื่อฟางติดไฟแล้วควันก็จะหายไปซึ่งขบวนเผาแบบไบโอชาร์หรือgasifierนี้จะเป็นการเผาแบบข้างบนลงข้างล่างเผาแบบไร้ควัน เปลวไฟที่ลุกขึ้นมานั้นจะมาชนก้นถังนิดหนึ่งปกติแล้วการเผาถ่านทั่วไปเมื่อไฟติดแล้วจะมีควันออกมาทางปล่องควันเลย แต่การเผาด้วยวิธีการนี้ ผู้อ่านสังเกตช่องที่ได้ทำการเจาะเป็นสามเหลี่ยมน่ะค่ะ อ๊อกซิเจนจากข้างนอกจะไหลเข้าไปในถังจากช่องนั้นแล้วก็ไปผสมกับควันที่เกิดจากการเผาไหม้ อ๊อกซิเจนจากภายนอกจะช่วยไหม้ควันเสียสนิทเลยค่ะ ก็จะมีแค่แก๊สที่ไหลออกมาทางปล่องไฟส่วนควันก็จะไม่มีออกมารบกวนระหว่างการเผาเลยค่ะ
• ระยะเวลาในการเผาใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ไม้เนื้ออ่อนหรือแข็งมากแค่ไหน สำหรับการเผากะลานั้นใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ และวิธีการสังเกตดูว่าไฟไหม้ถึงไหนหรือว่าไหม้ไม้หมดหรือยังให้สังเกตดูถถังว่ามีสีดำถึงไหนหรืออีกวิธีหนึ่งคือ ใช้น้ำสาดนิดหน่อยน่ะค่ะเทใส่ถังถ้ามีเสียงดังเหมือนไฟโดนน้ำฟี๊ดๆน่ะค่ะแสดงว่ายังไหม้ไม่หมด แต่ถ้าน้ำโดนถังแล้วไม่มีเสียงเลยสาดไปแล้วน้ำหายเลยแสดงว่าไม้ไหม้หมดแล้ว
• ก่อนยกถังลงให้เตรียมพื้นที่ที่จะวางถัง ต้องเตรียมขี้โคลนไว้เพื่อวางก่อน

• เมื่อทดสอบแล้วว่าไม้ได้ไหม้หมดแล้วก็ให้เอาฝาครอบออกวิธีการยกฝาครอบออกก็ใช้ไม้ไผ่เสียบเข้าช่องสามเหลี่ยมที่เจาะแล้วก็ยกไม้คนละด้าน ง่ายๆปลอดภัยด้วยค่ะ
• ใช้ฝาปิดฝาถังก่อน ยกถังลงตั้งบนขี้โคลนที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นให้ใช้ขี้โคลนปิดตามขอบฝาถังไม่ให้มีอากาศเข้าหรือออกได้ ถ้าตรงไหนมีควันออกแสดงว่าตรงนั้นมีอากาศออกก็ให้พอกขี้โคลนบริเวณนั้นเพิ่ม พอกให้เต็มฝากเลยน่ะค่ะ

• ปิดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยก็แกะขี้โคลนออก แล้วเทถ่านชีวภาพออกมาใช้ได้แล้วค่ะ

จากภาพจะสังเกตได้ว่าวัสดุที่ได้จากการเผาแบบไบโอชาร์นั้นสีของวัสดุจะไม่ดำสนิทจะออกบลอนด์ๆเงินๆหรือออกสีเทาๆซึ่งจะไม่ดำติดมือเราเหมือนถ่านทั่วไปและถ่านที่ได้นั้นคุณภาพในการใช้หุงต้มจะดีมาก เพราะการเผาอยู่ที่ความร้อนระหว่าง 800-900 องศาซึ่งการเผาถ่านทั่วไปนั้นความร้อนอยู่ที่แค่300 องศาเสียส่วนใหญ่ไม่ค่อยเกินนี้ ถ่านที่เผาด้วยวิธีการนี้สามารถนำไปทำเป็นเครื่องกรองน้ำใช้ได้ด้วยหากท่านไหนสนใจอยากทำขายเป็นรายได้เสริมแล้วล่ะก็ลองทำตามขั้นตอนดังกล่าวดูน่ะค่ะ ไม่ยากค่ะวัสดุก็ไม่ยุ่งยากไม่เสียเวลาไม่มีควันและกลิ่นรบกวนผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำใช้ก็ดีคุ้มทำขายก็ราคาใช้ได้เลยล่ะค่ะ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ ติดตามเรื่องราวสาระเคล็ดลับดีๆที่บ้านน้อยสรรหามาเล่าสู่กันฟัง ได้ที่นี่ Baannoi.com