เชื่อหรือไม่ว่ากระชายเหลืองที่เรานำมาทำต้มยำทำแกงหรือที่นิยมมาทำน้ำยาขนมจีนนั้น คุณประโยชน์ของเค้ามากมายนัก และที่สำคัญสรรพคุณของกระชายเหลืองนั้นมีมากกว่ากระชายดำที่นิยมนำมาทานกันอีกต่างหาก มาติดตามกันเลยน่ะค่ะว่ากระชายเหลืองเครื่องแกงไทยจะเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณและมีประโยชน์มากกว่าโสมยังไง และก็มาดูวิธีการทำน้ำกระชายน้ำสมุนไพรไทยกันได้ใน Baannoi.com กันเลยค่ะ
บ้านน้อยเองก็มีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งจะว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงก็ไม่ร้ายแรงแต่จะว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงก็ร้ายแรงอาจเป็นอันตรายทำให้เสียชีวิตเลยก็ว่าได้ อย่าพึ่งงงน่ะค่ะเป็นอย่างที่กล่าวมาจริงๆค่ะโรคไทรอยด์หากปล่อยเพิกเฉยไม่ได้รับการรักษาหรือทานยาตามหมอสั่งก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอและทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ตัวบ้านน้อยเองก็เคยทานยากับหมอมาเป็นปีๆจนเบื่อไปเลยค่ะ
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บ้านน้อยต้องคอยหาสมุนไพรไทยมาดื่มมาทานแทนการรักษาด้วยยาหรือการไปหาหมอมานานแล้ว ไม่ว่าจะอ่านเจอในหนังสือหรือคำบอกเล่าหรือในยูทูปต่างๆก็ได้นำมาทำทานตลอดทุกวิธีและทุกสมุนไพรที่รู้ๆมาล้วนดีทั้งนั้น แต่ว่าก็มีวิธีการทำและหายากบ้างง่ายบ้างและรสชาติทานยากเป็นเสียส่วนใหญ่และล่าสุดบ้านน้อยได้ไปอ่านและดูyoutube ของInwHealth ดูแล้วสนใจและก็เป็นสมุนไพรหรือเครื่องแกงที่ชอบทานอยู่แล้วในอาหารการกินเรานี่แหละค่ะ บ้านน้อยก็เลยศึกษาและไม่รอช้าที่นำวิธีการมาทำทานและจากข้อมูลที่ศึกษา คุณสมบัติของสมุนไพรไทยเป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้วว่าประโยชน์นั้นดีจริงๆสมุนไพรไทยวันนี้นั้นก็คือ”กระชายเหลือง”หรือกระชายเครื่องแกงไทยเรานี่แหละค่ะ
แต่ก่อนบ้านน้อยก็เข้าใจว่ากระชายที่ดีและบำรุงร่างกายรักษาโรคได้จะเป็นกระชายดำ แต่พออ่านและศึกษาหลายๆแหล่งจากข้อมูลต่างๆก็ประจักษ์เห็นแจ้งจริงๆว่า”กระชายเหลือง”เครื่องแกงเรามีประโยชน์และมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆได้ดีกว่า”กระชายดำ”ที่นิยมกันมากมายนัก เรียกได้ว่าหากเรียงลำดับแล้วล่ะก็อันดับ1ต้องยกให้กระชายเหลือง อันดับ2กระชายแดง และที่นิยมกันมาช้านานกลับกลายเป็นอันดับสุดท้ายหรือเรียกได้ว่าตัวยาน้อยสุดเลยก็คือกระชายดำนั่นเองค่ะ
ตามที่บ้านน้อยได้อ่านในบทความของเรื่องกระชายดำและเหตุที่ทำให้กระชายดำเป็นที่นิยมกันมาโดยตลอดก็เพราะว่า มีอยู่วันหนึ่งนั้นอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ท่านได้ไปทำการบรรยายที่จังหวัดเลยเรื่องคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไตได้สอบถามอาจารย์ว่าต้องกินสมุนไพรชนิดไหนถึงจะดี อาจารย์ก็เลยแนะนำให้ดื่มน้ำกระชาย คนทางภาคอิสานไม่รู้จักกระชายแต่ก็พยายามไปเสาะหามา และได้ไปขุดเอาหัวกระชายดำมาให้อาจารย์ดูว่าใช่หรือเปล่า
โดยปกติแล้วสมุนไพรสีดำทุกชนิดจะช่วยบำรุงไตไม่ว่าจะเป็นขิงดำ กระชายดำ อาจารย์เห็นว่าเป็นกระชายดำก็บำรุงไดด้ จึงบอกว่าให้เอาไปดื่ม ปรากฎว่าหลังจากที่ได้ดื่มน้ำกระชายดำไปนั้นก็ทำให้หายจากโรคไต จึงกลายเป็นเรื่องร่ำลือกันใหญ่ว่ากระชายดำรักษาโรคไตได้ แล้วต้องเป็นกระชายดำจังหวังเลย เพราะว่าคนที่หายคนแรกอยู่ที่จังหวัดเลย จึงทำให้กระชายดำราคาสูงถึงกิโลกรัมล่ะ 200 บาทและกระชายเหลืองธรรมดากิโลกรัมล่ะ 20 บาทต่อมาอาจารย์สุทธิวัสส์ ได้มาพูดชี้แจงความจริงทางรายการวิทยุ จนขณะนี้กระชายดำได้ลดลงเหลือกิโลกรัมล่ะ 20 บาทและกระชายเหลืองกิโลกรัมล่ะ 40 บาท กลับเป็นว่ากระชายเหลืองมีราคาที่สูงขึ้นเพราะคนได้นำไปทำน้ำกระชายดื่มแล้วมีรสชาติที่อร่อย และมีประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน เช่น
- แก้ท้องอืด
- บำรุงสมอง
- แก้โรคไทรอยด์
- แก้โรคไต
- ดื่มน้ำกระชายบ่อยๆให้หัวใจแข็งแรง
- บำรุงสมอง
- ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- เด็กๆดื่มบ่อยๆจะไม่ค่อยป่วย
- บำรุงกระดูก
- ปรับความดันสูงหรือตำไปปรับให้พอดี
- ปรับฮอร์โมนผู้หญิง ป้องกันมะเร็งเต้านม,มะเร็งมดลูก
- แก้โรคกระดูกผุ,กระดูกพรุน
- ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง,มีแคลเซียมสูง
- บำรุงหัวใจช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น
วิธีทำน้ำกระชายเหลือง
- กระชายเหลือง ครึ่งกิโลกรัม
- น้ำเปล่า 2 ลิตร
- นำกระชายเหลืองมาล้างให้สะอาด ตัดเอาส่วนโคนแก่หรือรากแก่เก็บไว้เพื่อนำไปปลูกได้อีก
- หั่นเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อง่ายแก่การปั่น
- ปั่นกับน้ำเปล่าแล้วนำไปกรองโดยใช้ผ้าขาวบางกรองเอาเนื้อกระชาย (สามารถนำไปตำเป็นเครื่องแกงได้อีก)
ดื่มสดๆได้เลยหากใครต้องการเพิ่มรสชาติหรือต้องการให้เด็กๆรับประทานได้ง่ายๆก็นำน้ำเขียวเฮลบลูบอยมาผสมเพื่อง่ายต่อการดื่ม หรือจะปั่นน้ำใบบัวบกหรือใบกระเพราใส่ไปพร้อมกันก็ได้ประโยชน์ล้วนๆเพราะใบบัวบกจะช่วยบำรุงสมองได้ด้วย สมุนไพรไทยมีประโยชน์มาแต่โบร่ำโบราณแถมราคาไม่แพงเหมือนโสมต่างประเทศที่นิยมทานกัน สรรพคุณมากมายจะเห็นได้ว่าสมัยปู่ย่าตายายหรือคนรุ่นเก่าจะไม่ค่อยไปหาหมอหรือโรงพยาบาลกันเลยเพราะว่ามีสมุนไพรเป็นยารักษาโรคไว้ประจำบ้านกันทั้งนั้น
โรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีมากับอาหารการกินหรือผักผลไม้ที่ล้วนแล้วแต่มีสารเคมีตกค้าง ไม่ค่อยจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์เหมือนกับสมัยโบราณที่ปลูกผักผลไม้เลี้ยงสัตว์ไว้ทานกันเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกวันนี้เราจะป้องกันไม่ได้และก็สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ทำร้ายตัวเองด้วยการทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายพักผ่อนให้เพียงพอทำจิตใจให้สบายๆคิดบวก เมื่อจิตใจสบายไม่คิดมาก ร่างกายก็ย่อมแข็งแรงไม่มีโรคร้ายเข้ามากวน ขอให้ทุกท่านที่ติดตามเว็บบ้านน้อยสุขภาพจิตใจและร่างกายแข็งแรงกันทุกท่านน่ะค่ะ ติดตามสาระดีๆมีประโยชน์และวิธีทำน้ำสมุนไพรทุกชนิดได้ที่นี่ Baannoi.com