ห้ามนำกุ้งเครย์ฟิช ปลาพีค็อกแบส เข้ามาในประเทศ ก่อนได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดจากกรมประมง

42

กรมประมง สั่งห้ามนำกุ้งเครย์ฟิช (กุ้งล็อบสเตอร์) ปลาพีค็อกแบส เข้ามาในประเทศโดยเด็ดขาด – ฝ่าฝืน แอบปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง ทั้งจำทั้งปรับ 1-2 ล้านบาท

กรมประมงได้สั่งห้ามนำกุ้งเครย์ฟิชและปลาพีค็อกแบสเข้ามาในประเทศไทยโดยเด็ดขาด ต้องมีการได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง(IBC)เป็นรายชนิดและสายพันธุ์อย่างละเอียด และสำหรับผู้ที่เพาะเลี้ยงทุกรายต้องมาจดทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงให้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ถูกต้อง และผู้ที่ละเมิดปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง มีโทษทั้งจำทั้งปรับ 1-2 ล้านบาทเลยทีเดียว

เมื่อปีที่แล้วช่วงเดือนตุลาคม 2559 ทางกรมประมงได้ประกาศให้ผู้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดง,กุ้งเครย์ฟิชหรือกุ้งล๊อบสเตอร์ ให้ไปทำการลงทะเบียนผู้เพาะสัตว์น้ำควบคุมพิเศษ ทั้งเกษตรกรและกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือกุ้งเครย์ฟิช,กุ้งล๊อบสเตอร์ ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พากันไปจดทะเบียนให้ถูกต้องกันเกือบ80%ของผู้เพาะเลี้ยง ส่วนเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เลี้ยงไว้ดูเล่นก็เห็นว่าไม่มากไม่มายอะไรส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครไปจดทะเบียนกัน

[adinserter block=”2″]

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2560 นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ได้ชี้ว่าสาเหตุที่ห้ามนำกุ้งเครย์ฟิช (กุ้งล็อบสเตอร์) ปลาพีค็อกเบสที่มีชีวิตเข้ามาภายในประเทศโดยเด็ดขาดเพราะกลัวเกิดปัญหาต่อระบบนิเวศของแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนกับ ปลาซัคเกอร์,หอยเชอรี่,เต่าญี่ปุ่น,ปลาหมอสีคางดำและปลาพีค็อกแบส  นั่นเองค่ะ

สำหรับสัตว์น้ำต่างถิ่นทุกสายพันธุ์ที่จะนำเข้ามาในประเทศ จะต้องมีการได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการระดับสถาบันด้านความปลอดภัยและความหลากหลายทางชีวภาพของกรมประมง(IBC)เป็นรายชนิดและสายพันธุ์อย่างละเอียด

สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนลักลอบนำเข้ามาในประเทศ จะได้รับบทลงโทษคือโทษจำคุกไม่เกิน1ปี หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ที่ลักลอบแอบปล่อยสัตว์น้ำประเทศควบคุมพิเศษลงในแม่น้ำลำคลองแหล่งธรรมชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเลยทีเดียวค่ะ

เมื่อปีที่แล้ว ก็มีข้อพิพาทกันระหว่างผู้ประกอบการและกรมประมงกันเรื่อง เดิมทีกรมประมงไม่ส่งเสริมให้เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชทุกสายพันธุ์โดยชี้ว่าหากหลุดลอดลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติจะไปทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำนั้น ส่วนด้านผู้ประกอบการเองก็ชี้ว่าสามารถเพาะเลี้ยงในบ้านเราได้ และที่สำคัญสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้เพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี รายได้งามเพราะว่าราคาของกุ้งล็อบสเตอร์หรือกุ้งเครย์ฟิชนั้นช่วงปีที่แล้วราคาสูงมาก และก็ฮิตมาเช่นกัน กรมประมงจึงประกาศให้ผู้ที่เพาะเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชหรือกุ้งก้ามแดง ไม่ว่าจะเลี้ยงเพื่อขายเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือชาวนาที่เลี้ยงในนาข้าว ก็ต้องมาทำการจดทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงให้หมด ไม่งั้นจะถูกดำเนินตามกฏหมายที่กำหนดมา

ตามแหล่งข่าวต่างๆไม่ว่าจะในทีวี ตามโลกโซเชียลต่างๆ ต่างกล่าวถึงกุ้งเครย์ฟิชกันไปต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าราคากุ้งตอนนี้อยู่ในช่วงตกต่ำราคาไม่ดีเหมือนช่วงแรกๆ บ้างก็ว่าผู้เพาะเลี้ยงสู้กับราคาอาหารไม่ไหวจึงได้มีการนำไปปล่อยลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ก็วิเคราะห์กันไปตามกระแสข่าวน่ะค่ะ 

แต่ถึงอย่างไรบ้านน้อยก็อยากฝากถึงผู้ที่เพาะเลี้ยงทุกท่าน หากเราได้ลงทุนไปแล้วก็อย่าท้อตามกระแส และก็รักษากฏเกณฑ์ตามกฏในการเพาะเลี้ยงของกรมต่างๆที่กำหนดมา รับรองว่าไม่มีอะไรเสียหาย กฏก็ต้องว่าไปตามกฏ ไม่แหกกฏก็ถือว่าเป็นการดีต่ออาชีพของเราเอง สำหรับเด็กๆที่นำมาเลี้ยงเพื่อดูเล่นก็เอาใจใส่เขาหน่อยอย่าทิ้งอย่าขว้างเมื่อตอนที่เบื่อแล้ว

ทุกอย่างมีขึ้นมีลงไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ เพราะฉนั้นแล้ว”เวลาขึ้นอย่าหลง เวลาลงอย่าท้อ” บทความนี้บ้านน้อยก็ได้ข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดบ้านน้อยก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ หากแฟนๆผู้ติดตามบ้านน้อยดอทคอมท่านใดเห็นว่ามีประโยชน์ บ้านน้อยก็ขอฝากไลค์ฝากแชร์ด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

: ขอบคุณแหล่งข้อมูลข่าวทุกสายงาน 

: ขอบคุณข้อมูลภาพ จากน้องยีนส์ Kitanapon Phorasri ซึ่งน้องยีนส์ได้บอกว่า ยีนส์ได้จดทะเบียนผู้เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชตั้งแต่ปี2559เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ ที่สำคัญยีนส์ไม่นำกุ้งเครย์ฟิชไปปล่อยทิ้งลงแม่น้ำหรือลำคลองตามธรรมชาติอย่างแน่นอนครับ