วันนี้บ้านน้อยดอทคอมจะมาชวนผู้อ่านที่รักทุกท่าน เข้าครัวทำเมนูต้มเค็มแซ่บๆเด็ดๆอร่อยไปด้วยกันค่ะ ต้มเค็มไม่ได้เค็มสมชื่อนะคะเป็นต้มเค็มออกรสหวานหน่อยๆเผ็ดนิดๆ(รึอาจจะเผ็ดมากเพราะใส่พริกเป็นลูกโดดเยอะไปหน่อย)ต้มเค็มกระดูกแก้วหรือกระดูกใบพายหมู สูตรดั่งเดิมวันนี้จะมีทีเด็ดและอร่อยแซ่บเว่อร์แค่ไหน
ตอนเด็กๆคุณพ่อชอบทำต้มเค็มหมูให้ทานเป็นประจำค่ะแต่สมัยนั้น(พูดเหมือนกำลังแก่ยังไงยังงั้นเลย)คุณพ่อจะต้มเค็มแบบง่ายๆคือไม่ใส่อะไรเลยจะใส่แค่เนื้อหมูกับน้ำปลาสองอย่างเอง แต่ ณ.ตอนนั้นก็ถือว่าเด็ดแล้วนะคะรสชาติไม่เค็มเหมือนที่คิดรับประทานกับแตงกวาลูกเล็กๆอร่อยมาก พูดแล้วคิดถึงพ่อจัง
เอาเป็นว่าเรามาเริ่มเมนู“ต้มเค็มกระดูกแก้วหมู”สูตรโบราณของบ้านน้อยกันเลยดีกว่านะค่ะส่วนผสมก็ไม่ยุ่งยาก หาได้ง่ายถ้าในตลาดไม่มีกระดูกแก้วหรือกระดูกใบพายหมูก็ใช้กระดูกหมูอ่อนหรือหมูติดมันตรงสันคอก็ได้อร่อยเช่นกันค่ะ
ส่วนผสมในการทำ ต้มเค็มกระดูกแก้วหมู
- กระดูกแก้วหมู(กระดูกใบพายหมู) หรือกระดูกหมูอ่อน 1 กก.
- น้ำตาลปิ๊บหรือน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 1 ถ้วย หรือ 2 ทัพพี
- น้ำมันหอย 1 ถ้วย
- ซีอิ้วขาว 1 ถ้วย
- ขิงหั่นฝอย
- รากผักชี 3-4 ต้น บุบพอหยาบๆ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมไทย 10-15 กลีบ
- พริกสด ตามความชอบในรสเผ็ดมากเผ็ดน้อย
- มะเขือเทศ 10 ลูก
- หอมแดง 10-15 ลูก
- ใบมะกรูด 4 ใบ
- ต้นหอมผักชี 5-6 ต้น
ขั้นตอนในการทำต้มเค็มกระดูกแก้ว
- อันดับแรกก็นำกระดูกแก้วมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นเป็นชื้น ไม่ต้องหั่นชิ้นเล็กนะคะเพราะตอนรับประทานกระดูกแก้วจะนุ่มเปื่อยตอนที่เราเคี่ยวอยู่แล้ว
- เคี่ยวน้ำตาลปิ๊บให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม พอมีกลิ่นหอมของน้ำตาลและสีของน้ำตาลให้เป็นสีน้ำตาลเข้มเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องใส่ซีอิ้วดำในการเพิ่มสีสรรค่ะ พอได้น้ำตาลที่เคียวได้ที่แล้วให้ใส่กระดูกแก้วลงไปตามด้วยใบมะกรูดฉีก,พริกไทยเม็ด,รากผักชี,กระเทียม ที่โคลกพอหยาบๆ เติมน้ำปลา,ซีอิ้วขาว,น้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากันกับกระดูกแก้วหมู เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยถ้าน้ำตาลข้นหรือเหนียวเกินไป แต่ผู้เขียนใช้น้ำต้มมะละกอที่ต้มดื่มเป็นน้ำสมุนไพรลงไปค่ะกระดูกหมูจะได้นุ่มและเปื่อยง่ายด้วย
- เคี่ยวทิ้งไว้สักพักให้เครื่องปรุงเข้ากันกับกระดูกแก้วหมู
- ใส่มะเขือเทศผ่าครึ่งกลางลูก,พริกสดไม่ต้องทุบหรือโคลกน่ะค่ะ,ขิงซอย,หอมแดงบุบพอแตก ใส่ลงไปในหม้อเลยน่ะค่ะ
- คลุกเคล้าส่วนผสมและเครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันแล้วเคี่ยวต่อไปสักพักให้กระดูกแก้วหมูสุกและเปื่อยนิ่ม แล้วชิมรสดูให้ออกรสชาติเค็มนำหวานหน่อยๆและความเผ็ดของเครื่องที่ใส่ก็จะมีความหอมในตัวเช่น ขิง,พริกไทยเม็ด,ใบมะกรูด พริกก็เผ็ดเป็นลูกๆพอดีเป็นคำๆไปค่ะ พอได้รสเป็นที่พอใจแล้วก็ใส่ต้นหอมผักชีปิดไฟ เตรียมเสริฟพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ และผักสดได้เลยค่ะ
ผักที่รับประทานกับต้มเค็มกระดูกแก้วหมูที่เข้ากันมากก็เห็นจะเป็น ถั่วงอก,ผักกาดแก้วหั่นฝอย(ผักสลัดลาวเรานี่แหละค่ะ),ผักชี คลุกผักทั้งสามอย่างนี้เข้ากัน รับประทานพร้อมกับต้มเค็มกระดูกแก้วหมูรับรองความอร่อยที่ลงตัวมากเลยค่ะ ข้าวสวยร้อนๆหรือข้าวเหนียวนิ่มๆก็แซ่บอย่าบอกใครเขียว
